ส่วนผสมของสกินแคร์ที่ไม่ควรใช้ด้วยกัน ถ้าไม่อยากหน้าพัง!

สวัสดีค่ะทุกคนน พบกับ Facial lifestyle หมวดหมู่ใหม่ที่จะมาแชร์เรื่องการดูแลผิวหน้ากัน เพราะฉะนั้นวันนี้อินมีเรื่องเล็กๆที่บางคนอาจจะมองข้าม แต่จริงๆแล้วมันคือเรื่องใหญ่สำหรับการดูแลรักษาใบหน้าของเรา

เพราะอินเชื่อว่าเพื่อนต้องใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวในการทาผิวหน้าแน่ๆ แต่จะมีใครรู้มั้ยว่าผลิตภัณฑ์บางตัวใช้ร่วมกันไม่ได้ จากที่ใช้ครีมหลากหลายเพื่อผิวหน้าที่ดี อาจจะทำให้หน้าเราพังไปเลยก็ได้

มาดูกันดีกว่าว่า ส่วนผสมของสกินแคร์ที่ไม่ควรใช้ด้วยกัน ถ้าไม่อยากหน้าพัง!


1. Vitamin C กับ Benzoyl Peroxide


วิตามินซีน่าจะเป็นส่วนผสมที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่สำหรับ Benzoyl Peroxide หรือ BP เป็นส่วนผสมที่เหมาะสำหรับคนที่รักษาสิว ถ้าเราใช้คู้กัน จะทำให้เกิดปฎิกิริยา Oxidation ทำให้เกิดผลเสียกับผิว นอกเหนือจากนี้  BP ยังค่อนข้างที่จะกัดผิว เพราะมีฤทธิ์ในการช่วยละลายหัวสิว ซึ่งบางคนอาจมีอาการระคายเคือง แสบผิว ผิวแดง หรือคันยิบๆ แล้วถ้าใช้กับวิตามินซีซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดอยู่แล้ว จะทำให้แย่กว่าเดิม

ตัวอย่างการจับคู่ผลิตภัณฑ์
🔸Boots Vitamin C + Neutrogena Rapid Clear Stubborn Acne
🔸Melano CC Vitamin C + Epiduo 0.1 / 2.5%
🔸The Ordinary Vitamin C Suspension + Benzac AC 2.5%

สรุปอาการ ทำให้ผิวระคายเคือง แสบแดงมากกว่าเดิม


2. Salicylic กับ Glycolic

Salicylic เป็นกรดที่มีส่วนช่วยในการรักษาสิว ส่วน Glycolic เป็นกรดที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป การใช้กรดทั้งสองตัวด้วยกันจะทำให้ผิวแห้ง สูญเสียน้ำและหยาบกร้าน

ตัวอย่างการจับคู่ผลิตภัณฑ์
🔸The Ordinary, Salicylic Acid 2%  + The Inkey List Glycolic Acid
🔸La Roche Posay Effaclar + Mario Badescu Glycolic Acid
🔸Provamed Acne Spot Gel + Peter Thomas Roth 8% Glycolic Acid
สรุปอาการ ผิวบอบบาง แห้ง หยาบกร้าน ลอกง่าย


3. Retinol กับ Vitamin C

Retinol เป็นกรดวิตามินเอที่ช่วยลดริ้วรอย ปรับสีผิวและช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ที่ทำงานได้ดีในค่า pH 5.5 - 6 ส่วน Vitamin C ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสกลับทำงานได้ดีในค่า pH ที่น้อยกว่า 3 ดังนั้นถ้าใช้ส่วนผสมทั้งสองตัวร่วมกัน จะทำให้ลดประสิทธิภาพของส่วนผสมทั้งสองตัวแทน
ตัวอย่างการจับคู่ผลิตภัณฑ์
🔸The Ordinary, Granactive Retinoid 2% Emulsion + TMYS Iconic Brightening
🔸La Roche Posay Redermic Anti-Aging + Beauty Buffet Lansley Vitamin C
🔸Sunday Riley Luna Sleeping Night Oil + Philosophy Turbo Booster C Powder
สรุปอาการ ทำให้ประสิทธิภาพของทั้งสองตัวลดลง 

4. Retinol กับ AHA / BHA

Retinol เป็นกรดวิตามินเอที่ช่วยลดริ้วรอย ปรับสีผิวและช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ส่วน AHA และ BHA เป็นสารสกัดที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใสขึ้น อาจจะดูเหมือนว่าช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำให้ผิวกระจ่างใสทั้งคู่ใช่มั้ยคะ แต่แท้ที่จริงแล้วอาจทำให้ระคายเคืองและไวต่อแสงมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นส่วนผสมที่เป็นกรดทั้งคู่
ตัวอย่างการจับคู่ผลิตภัณฑ์
🔸Drunk Elephant, A Passioni Retinal Cream +  Sunday Riley Good Genes
🔸Dr.Dennis Gross, Ferulic Retinol + Drunk Elephant T.L.C. Framboos
🔸Cliniq Fresh Pressed  Clinical + Philosophy Clear Days Ahead Oil-free
สรุปอาการ ทำให้ระคายเคืองและไวต่อแสงมากกว่าปกติ

5. Niacinamide กับ Vitamin C

Niacinamide ช่วยให้ผิวขาวขึ้น ปรับให้ผิวกระจ่างใส ส่วน Vitamin C มีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นเช่นเดียวกัน ส่วนผสมทั้งสองอย่างนี้มีคุณสมบัติอย่างเดียวกันก็จริง แต่การใช้ส่วนผสมทั้งสองอย่างร่วมกันจะทำให้ผิวหมองคล้ำขึ้น และลดประสิทธิภาพของส่วนผสมแต่ละตัวละได้
ตัวอย่างการจับคู่ผลิตภัณฑ์
🔸Paula's Choice Resist 10% Niacinamide booster + The Body Shop Vitamin C Skin Boost
🔸The Ordinary Niacinamide 10% + Oriental Princess Advanced Brightening Serum
🔸Ouay-un Cosmetic Kamin Bright + Cute Press Super Strength 10% Vitamin C

สรุปอาการ ทำให้ผิวหมองคล้ำขึ้น

นอกจากจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและส่วนผสมที่ดีแล้ว การเลือกใช้ส่วนผสมที่เข้ากันได้ดีและไม่เกิดผลเสีย จะช่วยทำให้ส่วนผสมให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เพื่อผิวสวย กระจ่างใส ไร้ปัญหาใดใด จะได้ไม่เกิดอาการระคายเคือง หรือทำร้ายผิวหน้า 
เพื่อนๆคนไหนมีเกร็ดความรู้ดีๆแบบนี้สามารถ comment แบ่งปันความรู้กันได้เลยน้า และสำหรับใครที่ชอบบทความที่มีประโยชน์แบบนี้ สามารถติดตาม Blogger ของอินหรือ Facebook Fanpage ได้เลยค่ะ ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า สัญญาว่าจะเอาบทความดีๆมาแบ่งปันกันใหม่นะคะ

Sources : idskinexpert , wongnai

0 ความคิดเห็น