ประโยชน์ของอัลมอนด์ ของอร่อยเพื่อสุขภาพ

          สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราเปลี่ยนฟีลมาดูเรื่องดีๆเพื่อสุขภาพกันบ้างดีกว่า เพราะช่วงนี้อินกำลังพยายามลดหุ่นอยู่ แต่ตัวเองกลับชอบกินจุกจิกอยู่ตลอดเวลา จนมีเพื่อนๆแนะนำให้กินอัลมอนด์แทนขนมจุกจิกที่ชอบกินแทน เลยได้ไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติม จนได้รู้ว่าจริงๆแล้วอัลมอนด์มีประโยชน์มากกว่าการทานเพื่อดูแลน้ำหนักและหุ่นสวย เลยอยากจะเอามาแบ่งปันเพื่อนๆทุกคนกันนะคะ

สารอาหารของอัลมอนด์

          อัลมอนด์อบเกลือประมาณ 100 กรัม มีสารอาหารมากมายจนแทบไม่น่าเชื่อเลยแหละว่าพืชตระกูลถั่วจะมีสารอาหารมากมายขนาดนี้ บอกเลยว่าอัลมอนด์มีสารอาหารยาวเหยียดดังนี้เลย

• พลังงาน 597 กิโลแคลอรี
• คาร์โบไฮเดรต 19.3 กรัม
• ไขมัน 52.8 กรัม
• โปรตีน 22.1 กรัม
• วิตามิน A 1.0 IU
• วิตามิน E 26 มิลลิกรัม
• วิตามิน B6 0.1 มิลลิกรัม
• ไทอะมิน 0.1 มิลลิกรัม
• ไรโบฟลาวิน 0.9 มิลลิกรัม
• ไนอะซิน 3.8 มิลลิกรัม
• โฟเลต 33 mcg
• กรดแพนโทเธนิก 0.2 มิลลิกรัม
• โคลีน 52.1 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของอัลมอนด์

          ในเมื่อรู้แล้วว่าอัลมอนด์มีสารอาหารอะไรบ้าง ตอนนี้เรามาดูประโยชน์ของอัลมอนด์กันดีกว่า จะบอกว่าเหลือเชื่อมากกว่าสารอาหารอีกค่ะ

          1. บำรุงหัวใจ

          

          อัลมอนด์ ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะมีสารพัดวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหารอัดแน่นอยู่ในเม็ดเล็ก ๆ แถมยังมีกรดไขมันจำเป็นที่ช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ในร่างกาย เลยมีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ รวมทั้งต่อต้านอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ได้นั่นเอง

          2. บำรุงสายตา

          อัลมอนด์ล้วนแต่เป็นแหล่งที่อุดมด้วยไขมันโอเมก้า 3 ที่มีส่วนสำคัญในการบำรุงสายตา นอกจากนี้ก็ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ สังกะสีและวิตามินอี อันมีสรรพคุณในการช่วยชะลอภาวะจอประสาทตาเสื่อม ว่ากันว่าถั่วอัลมอนด์เพียง 1 กำมือก็ได้วิตามินอี ถึง 50% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวันเลยทีเดียว

          3. ช่วยเบิร์นไขมัน

          ทั้งโปรตีน ไฟเบอร์ วิตามิน และไขมันดีในอัลมอนด์ จะช่วยเติมเต็มพลังงานและช่วยขับเคลื่อนระบบเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มกำลัง เบิร์นไขมันไปได้อย่างราบรื่น ยิ่งคนที่อยากสร้างกล้ามหรือต้องการหุ่นลีน ๆ โปรตีนจากอัลมอนด์เคี้ยวเพลินนี่แหละตัวช่วยที่ดีของคุณเลย

          4. ลดคอเลสเตอรอลในเลือด

          กรดไขมันไม่อิ่มตัวในอัลมอนด์และกรดไขมันชนิดดีมีส่วนช่วยลดระดับไขมันชนิดเลวในเลือดได้ ยืนยันจากการศึกษาชิ้นหนึ่งที่พบว่า ผู้ที่รับประทานอัลมอนด์ปริมาณ 1 กำมือทุกวัน ตรวจพบไขมันในเลือดหรือคอเลสเตอรอลลดลง 4.4% และคนที่รับประทานอัลมอนด์สองกำมือต่อวัน ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดจะลดลงประมาณ 9.4%

          5. เพิ่มพลังกาย

          อัลมอนด์มีแมงกานีส ไรโบฟลาวิน และสังกะสีค่อนข้างสูง จึงเป็นแหล่งที่ดีของพลังงานของร่างกาย ช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการอ่อนเพลียได้ ใครรู้สึกอ่อนแรงจะลองกินอัลมอนด์สัก 1 กำมือดูก็ได้นะคะ

          6. ป้องกันเบาหวาน

          การศึกษาจากประเทศอินเดียพบว่า อัลมอนด์จัดเป็นอาหารที่ช่วยปรับสมดุลดัชนีน้ำตาลในเลือดและช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจได้ นอกจากนี้การศึกษาจากประเทศจีนยังพบด้วยว่า อาสาสมัครที่กินอัลมอนด์มีระดับอินซูลินและกลูโคสที่เหมาะสมกว่าอาสาสมัครที่ไม่ได้กินอัลมอนด์เลยในแต่ละวัน ดังนั้นจะเรียกได้ว่าอัลมอนด์เป็นอาหารที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวานและช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดได้ก็ไม่ผิดนัก

          7. บำรุงสมอง

          อัลมอนด์อุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและสมองค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน E โฟเลต กรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่มีส่วนช่วยบำรุงการทำงานของระบบประสาทและสมองด้วยกันทั้งสิ้น

 

          8. ป้องกันภาวะความจำเสื่อม

          นอกจากสารอาหารที่ดีต่อการทำงานของระบบประสาทและสมองแล้ว ในอัลมอนด์ยังมีสารอาหารสำคัญอย่างธาตุเหล็ก ทองแดง และวิตามิน ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สมองไม่ขาดออกซิเจนอันเป็นสาเหตุของโรคสมองเสื่อม ดังนั้นการรับประทานอัลมอนด์จึงช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้นั่นเอง

          9. ดีต่อลำไส้

          ผลการศึกษาในปี 2016 พบว่า คนที่รับประทานอัลมอนด์ในปริมาณที่เหมาะสมมีส่วนช่วยกระตุ้นแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ส่งผลดีต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายสืบเนื่องไป นอกจากนี้อัลมอนด์ยังมีไฟเบอร์ค่อนข้างสูงอีกด้วย จึงช่วยเรื่องขับถ่ายได้มาก

          10. บำรุงกระดูกและฟัน

          ในอัลมอนด์มีสารอาหารบำรุงกระดูกอย่างแคลเซียมและฟอสฟอรัสอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งนอกจากอัลมอนด์จะช่วยเพิ่มสารบำรุงกระดูกให้ร่างกายแล้ว สารอาหารในอัลมอนด์ยังมีส่วนช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก และช่วยส่งเสริมระบบโครงกระดูกให้มีความแข็งแรงมากขึ้นด้วย

Source : Kapook